ขนมตะโก้ข้าวโพด

                            

 

       ขนมตะโก้ข้าวโพด

 

   

ส่วนประกอบและเครื่องปรุงตะโก้ข้าวโพด
1. น้ำลอยดอกมะลิ  5 ถ้วย
2. แป้งข้าวเจ้า  1 ถ้วย
3. แป้งมัน 1/2 ถ้วย
4. แป้งถั่วเขียว 1/3 ถ้วย
5. ข้าวโพดต้มสุก ฝานลึกๆ  2 1/2 ขีด (หากไม่มีสามารถใช้แห้ว หรือเผือกแทนได้นะคะ)
6. น้ำตาลทราย 3 1/2 ถ้วย
7. น้ำใบเตยเข้มๆ 1/3 ถ้วย
ส่วนประกอบและเครื่องปรุงหน้าตะโก้ข้าวโพด
1. กะทิ (ข้นๆหน่อย แต่ไม่ถึงกับเป็นหัวกะทิ) 5 ถ้วย
2. แป้งข้าวเจ้า 1 1/3 ถ้วย
3. เกลือป่น 1 1/2 ชต.

การเตรียมกระทงใบเตย

   

1.ใบเตยหอม นำมาล้างแล้วเช็ดให้แห้งและสะอาด จากนั้นนำมาตัดขนาด 5.5 นิ้ว

   

2.ตัดฐานล่างออกเล็กน้อยเพื่อให้ซ้อนทับได้ขณะขึ้นรูป แล้วตัดแบ่งเป็น 5ส่วนเท่าๆกัน

   

3.พับมุมจากส่วนที่ 1 และพับส่วนที่ 2 ดูตามภาพ

   

4.พับต่อไปเรื่อยๆตามรอยตัดต่อกันจนหมด และประสานใบเตยกันตรงกลาง ดูตามภาพ

   

5.ภาพด้านล่างกระทง และด้านข้างที่กลัดด้วยไม้กลัดเล็กๆ

   

6.ลักษณะของกระทงใบเตย ที่พร้อมใช้ทำขนมตะโก้ได้แล้ว

ขั้นตอนและวิธีทําตะโก้ข้าวโพด

1. เริ่มต้นผสมแป้ง 3 ชนิด (แป้งข้าวเจ้า , แป้งมัน และแป้งถั่วเขียว) เข้าด้วยกันในกระทะทองหรือหม้อนะคะ แล้วก็ค่อยๆรินน้ำใส่ลงไปในแป้ง 1 ถ้วยก่อนค่ะ คนให้เข้ากันจนแป้งละลาย ไม่จับเป็นก้อน
2. เติมน้ำที่เหลือทั้งหมดลงไป คนให้เข้ากันแล้วก็ตามด้วยน้ำตาลทรายทั้งหมดเทใส่ลงไปเลยค่ะ และคนให้เข้ากันจนน้ำตาลละลาย
3. จากนั้นเติมน้ำใบเตยคั้นเข้มข้นลงไปค่ะ แล้วก็คนให้เข้ากัน
4. นำขึ้นตั้งไฟกลาง ระหว่างรอเดือดกวนไปเรื่อยๆเป็นระยะค่ะ ประมาณ 30 นาที แป้งก็จะสุกใส และสีเขียวสวยขึ้น
5. เทข้าวโพดที่ต้มสุก และฝานเป็นเม็ดๆลงไปเลยค่ะ คนให้พอเข้ากัน แล้วก็จัดการลดไฟลงให้เหลืออ่อนที่สุด เพื่อเตรียมตัวที่จะหยอดตัวตะโก้ลงกระทงค่ะ
6. ตักตัวตะโก้หยอดลงกระทงใบเตย หรือภาชนะที่เตรียมไว้เลยค่ะ หยอดให้ได้ประมาณ 1/2 ของกระทงใบเตย หยอด  พักไว้ก่อนนะคะ หันมาทำหน้าตะโก้กันค่ะ
7. เริ่มทำหน้าตะโก้นำแป้งข้าวเจ้าใส่ลงในกระทะทองหรือหม้อแล้วก็เทน้ำกะทิใส่ลงไป 1 ถ้วยค่ะ จากนั้นคนให้แป้งละลาย ไม่เป็นเม็ด
8. ใส่เกลือ และเติมน้ำกะทิที่เหลือลงไป คนให้เข้ากันจนเกลือละลาย แล้วก็นำขึ้นตั้งไฟกลางค่ะ จากนั้นก็กวนไปเรื่อยๆ จนแป้งสุก และส่วนผสมจะเริ่มข้นได้ที่
9. พอกวนได้ที่แล้วให้ลดไฟลงเหลือไฟอ่อนสุด จากนั้นหยอดหน้าตะโก้ได้เลยค่ะ โดยเวลาหยอดหยอดให้พอดีกับของกระทงหรือนูนเหนือขอบกระทงขึ้นมาหน่อยก็ได้นะ  เมื่อหยอดเสร็จก็พร้อมเสิร์ฟรับประทานกันแล้วค่ะ หรือทิ้งไว้ให้หน้าตะโก้แข็งได้ที่สักเล็กน้อยก็อร่อยได้ทั้งครอ

                                                              ภาคผนวก

              

 

   

 

 

 

 

 

 

 

                                       

                        ขนมตะโก้เผือก

ตะโก้เผือก ขนมไทยที่มีรสชาติหวาน มัน 
เป็นหนึ่งไส้ของขนมตะโก้ที่อร่อยไม่แพ้ไส้อื่นๆแน่นอน
 ด้วยเครื่องปรุงและวัตถุดิบที่หาซื้อได้ทั่วไป ทำให้ทำได้ง่ายๆ
 มาเริ่มลงมือทำกันเลยค่ะ


ส่วนประกอบและเครื่องปรุงตะโก้เผือก
1. แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย
2. แป้งมัน 1/4 ถ้วย
3. น้ำลอยดอกมะลิ 3 1/2 ถ้วย
4. น้ำใบเตย 1/2 ถ้วย (ถ้าไม่มีสามารถใช้น้ำเปล่าแทนได้ค่ะ)
5. น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
6. เผือกนึ่งสุกหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 1 ถ้วย 
7. กระทงใบเตย หรือ ภาชนะสำหรับใส่ตะโก้
ส่วนประกอบและเครื่องปรุงหน้าตะโก้เผือก
1. กะทิ 2 ถ้วย
2. น้ำดอกมะลิ 1 ถ้วย
3. แป้งข้าวเจ้า 4 ช้อนโต๊ะ
4. เกลือ 1 ช้อนชา
ขั้นตอนและวิธีทําตะโก้เผือก
♦เตรียมเผือก
   

1.ล้างเผือกให้สะอาด แล้วปอกเปลือกออก หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ

   

2.รองผ้าขาวบางในรังถึงแล้วนำเผือกที่หั่นไว้นึ่งจนสุก

♦เตรียมกวนตัวขนม

   

1.นำส่วนผสมตามสูตรกำหนดใส่ในกะทะทองตั้งไฟปานกลาง

   

2.กวนส่วนผสมจนสุกใส ใช้เวลากวนประมาณ 7 นาที 
แล้วใส่เผือกลงผสมจนเข้ากันตักขึ้นใส่ภาชนะแล้วปิดฝาไว้รอหยอดใส่กระทง

♦เตรียมหน้าขนม

1.นำส่วนผสมตามส่วนที่กำหนดให้เข้ากัน กวนด้วยไฟปานกลางกวนกระทั่ง
จนแป้งข้นเป็นเงาแวววาว เวลากวนประมาณ 7 นาที ตักใส่ภาชนะปิดฝาขณะรอหยอด

  

♦ส่วนหน้าขนมที่ได้

1. เพราะถ้าเราหยอดหน้าขนมช้าเกินไปขนมตะโก้ของเราก็จะไม่เป็นเนื้อเดียวกัน

   

2.หยอดตัวขนมประมาณ 1/2 กระทง แล้วหยอดหน้าขนมให้เรียบเสมอกัน

       

3.ต่อไปหันมาทำหน้าตะโก้กันต่อค่ะ เริ่มจากผสมกะทิ แป้งข้าวเจ้า เกลือ และน้ำดอกมะลิให้เข้ากัน
 นำไปกวนด้วยไฟอ่อน กวนจนแป้งสุกข้น ยกลงตักหยอดทับบนตัวขนมขณะหน้าขนมยังร้อนๆ 
เท่านี้ก็จะได้ตะโก้แสนอร่อยพร้อมเสิร์ฟแล้ว

  

                       ภาคผนวด

 
 

 

 

   

              

 




  ขนมตะโก้สาคุข้าวโพด

อยู่เมืองนอกขนมฝรั่งมีเยอะแยะ แต่กินบ่อยๆ ก็เลี่ยน ส่วนขนมไทยตามร้านอาหารไทยก็พอจะมีบ้าง แต่กินบ่อยๆ จะออกจะเปลืองเงินไปนิด เพราะฉะนั้นถ้าคิดจะทำเองก็คงไม่ยากเกินความสามารถที่จะหาวัตถุดิบและลงมือ ทำ นอกจากนี้ราคาและปริมาณถือว่าคุ้มค่ามาก เพราะเมนูนี้ไม่เกิน $10 คุณก็จะได้ ‘ตะโก้ หวาน มัน เค็ม’ แสนอร่อย ที่รับรองว่ากินกันสองสามคนก็ยังไม่หมด ต้องเอาไปแจกมิตรรักให้ช่วยลิ้มลอง

ส่วนผสม

ตัวสาคู

• สาคูเม็ดเล็ก 1.5 ถ้วยตวง
• น้ำใบเตย 1.5 ถ้วยตวง
• น้ำมะพร้าว 1 กระป๋อง
• น้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง
• ข้าวโพดหวาน 1 กระป๋อง

หน้ากะทิ

• กะทิ 4 ถ้วยตวง
• แป้งข้าวโพด 1/2 ถ้วยตวง
• เกลือป่น 2.5 ช้อนชา
• น้ำตาลทราย 5 ช้อนโต๊ะ
• กลิ่นมะลิ/ ใบเตย 1-2 หยด
•  

1. นำสาคูไปล้างน้ำเร็วๆ 1 รอบ แล้วนำไปใส่หม้อ

2. เติมน้ำใบเตย, น้ำมะพร้าว 1/2 กระป๋อง ลงไปในหม้อถ้าไม่มีน้ำใบเตย ใช้น้ำเหยะกลิ่นใบเตย 3-4 หยดก็ได้ค่ะ สะดวกดี

3. เติมน้ำตาลทราย (พอดีที่บ้านมีแต่น้ำตาลทรายแดงแต่ใช้ได้เหมือนกันค่ะ)

4. ตั้งไฟอ่อนๆ แล้วคนไปเรื่อยๆ

5. ใส่ข้าวโพดหวาน

6. คนไปเรื่อยๆ ค่อยๆเติมน้ำมะพร้าวที่เหลือลงไป

7. คนไปเรื่อยๆจนสาคูใส แปลว่าสุกแล้วค่าาาา

8. ตักสาคูใส่ถ้วย ประมาณ 3/4 พอนะคะ เผื่อที่ให้หน้ากะทิด้วย

1. ผสมกะทิ, แป้งข้าวโพด, เกลือ, น้ำตาล และกลิ่นใบเตยเข้าด้วยกัน

2. ตั้งไฟอ่อน คนไปเรื่อยๆ

3. รอจนหน้ากะทิเริ่มเหนียว แล้วเอาขึ้น

4. ตักหน้ากะทิใส่ตัวสาคู

                     

ขนมตะโก้แห้ว

 

 

เครื่องปรุงตัวตะโก้
          *แป้งข้าวเจ้า ½ ถ้วย
          *แป้งมัน 2 ช้อนโต๊ะ
          *น้ำเปล่า 1 ¾ ถ้วย
          *น้ำใบเตย ¼ ถ้วย
          *แห้วกระป๋องเล็ก 1 กระป๋อง
          *น้ำตาลทราย 1/3 ถ้วย

หน้าตะโก้
          *กะทิ 1 กระป๋อง
          *น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
          *แป้งข้าวเจ้า ¼ ถ้วย
          *เกลือป่น 1 ช้อนชา 

วิธีทำตัวตะโก้
1. นำแห้วมาหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็กๆ

 

2. ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งมัน และน้ำตาลทรายเข้าด้วยกัน ใส่น้ำเปล่าและน้ำใบเตยลงไปคนให้เข้ากันจนแป้งไม่เป็นเม็ด

3. เปิดเตาที่ไฟปานกลาง นำส่วนผสมแป้งไปตั้งบนเตา กวนไปเรื่อยๆ จนแป้งข้นเหนียว

4. พอแป้งเริ่มข้น ใส่แห้วลงไป คนให้เข้ากัน กวนต่อไปจนแป้งเริ่มเดือดก็ยกลง

5. ตักแป้งที่ได้หยอดลงในถ้วยจนหมด

 

วิธีทำหน้าตะโก้
1. ผสมหัวกะทิ น้ำตาลทราย เกลือป่นและแป้งข้าวเจ้าเข้าด้วยกัน คนให้ทั่ว

 

2. ยกส่วนผสมขึ้นตั้งไฟปานกลางค่อนข้างต่ำ คนเรื่อยๆ จนส่วนผสมข้น ปิดเตาและยกลงได้

3. นำไปหยอดลงในถ้วยที่ตักตัวตะโก้เตรียมไว้แล้ว

4. รอจนหน้าเย็นก็ยกเสิร์ฟได้เลย

   มาจาก:http://www.gotoknow.org/posts/214193